บทที่ 9 9

“ไม่เอามันออกไปใช่ไหม ได้ฉันจัดการเอง!” คณากรพูดจบก็คว้าตัวลูกสุนัขตัวน้อย ก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน มะลิวัลย์เห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งออกไปตาม ก่อนจะร้องห้ามไม่ให้ชายหนุ่มเอาเจ้าโลกิไปทิ้ง

“คุณกร หนูขอร้อง ให้โลกิคืนหนูเถอะนะคะ” ลูกสุนัขตัวน้อยร้องออกมา ยิ่งทำให้หญิงสาวสงสารมากไปกว่าเดิม

“ที่นี่บ้านฉัน ใครอนุญาตเธอให้เลี้ยงมันไม่ทราบ?” มะลิวัลย์เม้มปากเข้าหากัน ใช่ ที่นี่มันคือบ้านของเขา แต่ทำไมเขาต้องใจร้ายมากขนาดนี้ด้วย

“คุณไม่มีเหตุผล ใจร้ายด้วย สัตว์ตัวเล็ก ๆ แค่นี้ก็ใจร้ายกับมัน คุณไม่มีหัวใจ!” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอกล้าพูดแบบนี้ออกมา แต่ในวินาทีนี้มะลิวัลย์เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ผู้ชายคนนี้จะใจร้ายไปถึงไหนกัน

“เธอว่าอะไรนะยัยเด็กบ้า!”

“อึก คะ คุณกรใจร้ายไงคะ ไม่มีหัวใจ สัตว์มันก็มีชีวิต คุณจะใจร้ายทิ้งมันได้ลงคอเลยเหรอคะ มันไม่มีแม่ มันตัวแค่นี้จะปล่อยให้มันอยู่ข้างถนนตัวเดียวงั้นเหรอคะ?”

“งั้นเธอก็ไปอยู่ข้างถนนกับมันสิ มาอยู่ด้วยไม่เท่าไหร่ก็ปากดีกับฉันแล้วงั้นเหรอ เคยบอกว่าไง ห้ามขัดคำสั่งฉันไม่ใช่รีไงวะ!”

“ก็คุณกรไม่มีเหตุผลก่อนนิ หนูไม่คิดเลยว่าผู้ใหญ่อย่างคุณจะเป็นคนแบบนี้ ถ้ารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้หนูไม่น่ามาแต่งงานกับคุณเลย คนใจร้าย!” คนตัวเล็กแย่งลูกหมาจากมือของชายหนุ่ม ก่อนจะเอามากอดเอาไว้ เธอเห็นเจ้าโลกิ เหมือนเห็นตัวเอง ที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก จะคนหรือสัตว์มันก็มีหัวใจเหมือนกัน

“เออ ใครขอร้องวะ เพราะเธอ ชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีเธอสักคน ฉันก็คงสุขสบายไม่ปวดหัวแบบนี้หรอก อายุแค่นี้คิดอยากมีผัว ใจแตกฉิบหาย!” คำพูดคำจาของชายหนุ่มมันไม่ต่างจากคมมีดที่กรีดลงมายังหัวใจดวงน้อย ๆ ของมะลิวัลย์เลย เธอเองก็เลือกไม่ได้เหมือนกัน เพราะความจน ความจนตรอก มันทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ แววตาเศร้าของหญิงสาวที่เผยออกมาทำให้ชายหนุ่มชะงักนิ่งไป

“อยากเลี้ยงก็เลี้ยง แต่จำเอาไว้นะ ถ้ามันทำลายข้าวของของฉัน เธอเจ็บตัวแน่ และก็เลี้ยงมันอยู่นอกบ้าน อย่าเอาเข้าไปในบ้าน!” คณากรพูดจบก็เดินหนีหน้ามะลิวัลย์ไปทันที เหลือเพียงคนตัวเล็กที่ยืนกอดเจ้าโลกิเอาไว้ พร้อมยกมือขึ้นมาลูบหัวของเจ้าโลกิอย่างอ่อนโยน

“ตกใจใช่ไหมโลกิ ต่อไปอยู่กับมะลินะ”

วันต่อมา

หลังจากที่ชายหนุ่มยอมให้เธอเลี้ยงเจ้าโลกิ มะลิวัลย์ก็เอาเงินที่มีติดตัวไปซื้อกรง พร้อมอาหารมาไว้ให้กับเจ้าลูกหมาตัวน้อย เธอเอากรงมาวางไว้ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้านของคณากร ก่อนจะเทอาหารน้ำเอาไว้ให้ มะลิวัลย์ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด เธอไม่เคยปล่อยให้บ้านรก ทำความสะอาดทุกวัน เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มมาต่อว่าได้

หลังจากที่อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน โรงเรียนของมะลิวัลย์ก็เปิดเทอมแล้ว ด้วยความที่เธอย้ายมากลางคัน ทำให้หญิงสาวต้องอ่านหนังสือมากเป็นพิเศษ แต่ดีหน่อยที่คนตัวเล็กเป็นคนหัวไว เรื่องการเรียนจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากมาย คณากรมองหญิงสาวในชุดนักเรียนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยที่เขามีเมียยังเป็นนักเรียนอยู่ วันแรกที่พามะลิวัลย์ไปโรงเรียน คุณครูที่นั่นคิดว่าเขาเป็นคุณอาของหญิงสาวเสียอีก

“เลิกเรียนรีบกลับบ้าน อย่าทำตัวมีปัญหา ไม่งั้นหมาเธอโดนฉันเอาไปปล่อยวัดแน่ และก็อีกอย่างจำทางมาโรงเรียนให้ได้ เพราะต่อไปฉันไม่มาส่งแบบนี้หรอกนะ เสียเวลาชะมัด” คนตัวเล็กพยักหน้า ก่อนจะเปิดประตูรถเก๋งคันหรูลงไป แต่ทว่าเสียงของคณากรที่ดังขึ้นมาเสียก่อน

“เดี๋ยว ที่บ้านไม่มีใครสั่งสอนเหรอว่าเวลาผู้ใหญ่ทำอะไรให้ต้องทำยังไง!” หญิงสาวทำหน้าเจื่อนออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้ชายหนุ่ม

“ขอบคุณค่ะที่มาส่งหนู”

หลังจากที่เดินเข้ามาในโรงเรียน หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมา เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยที่ต้องมาเริ่มต้นใหม่ หาเพื่อนใหม่ ถึงแม้ปกติที่โรงเรียนเก่าเธอจะไม่มีเพื่อนสนิทก็ตาม แต่ก็รู้จักกัน แต่นี่อะไร เธอไม่รู้จักใครเลย

“เธอชื่อมะลิใช่ไหม?” ผู้หญิงอีกคนเข้ามาทักทายหญิงสาวที่นั่งรับประทานอาหารอยู่คนเดียว มะลิวัลย์พยักหน้าให้ ก่อนจะระบายยิ้มออกมา

“ฉันชื่อมิ้วนะ อยู่ห้องเดียวกันกับเธอ ยินดีที่ได้รู้จัก” มิ้ว หรือรุ่งธิดาทักทายเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้

“ยินดีเช่นกันจ้ะ” พอมีคนมาชวนคุยก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นมา เธอเพิ่งรู้ว่ามิ้วเองก็เพิ่งย้ายมาตอนเปิดเทอมตอนขึ้นม.ห้า หญิงสาวเองก็ไม่ได้มีเพื่อนมากมายอะไร พอเห็นมะลิวัลย์จึงนึกถึงตนเองสมัยก่อน

หลังจากที่ได้พูดคุยกัน มะลิวัลย์ก็รู้สึกสนุกที่ได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ มิ้วออกจะโก๊ะนิดหน่อย ชวนคุยเก่งเป็นบ้า ทำเอามะลิวัลย์ได้แต่พยักหน้าไปมาอย่างเดียวเลย

“เออนี่ ไปกินไอติมหน้าปากซอยกันไหม อร่อยมากนะ เธอน่าจะชอบ”

“เอ่อ วันนี้คงไม่ได้ เพราะฉันต้องรีบกลับบ้าน” มิ้วทำหน้าเซ็งออกมา แต่เธอก็พยักหน้าเข้าใจ

“งั้นพรุ่งนี้นะ ฉันชวนเธอแล้ว”

“ได้จ้ะ”

พอเลิกเรียนมะลิวัลย์ก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน โดยบอกชื่อร้านอาหารของคณากรไป มีใครบ้างไม่รู้จัก เดินเข้าไปอีกนิดก็ถึงบ้านที่เธออาศัยอยู่แล้ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป